ภูเก็ตไข่มุกแห่งอันดามัน
เริ่มเข้าเดือนพฤศจิกายน เป็นช่วงปลายของฤดูฝน บริเวณทะเลฝั่งอันดามันก็จะเริ่มเข้าถึงฤดูกาลท่องเที่ยว ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่ผมได้มา เที่ยวทะเลแดนใต้ การกลับมาเที่ยวในครั้งนี้ผมเลือกใช้บริการรถเช่าภูเก็ตเป็นพาหนะคู่กายในการเดินทางครั้งนี้ด้วย ครั้งแรกก่อนหน้าที่ผมเคยได้มาสัมผัสกับทะเลอันดามันเป็นช่วงก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุแผ่นดินไหว ที่เกาะสุมาตราทำให้เกิดคลื่นยักษ์สึนามิสัก 2-3 อาทิตย์ ถ้าผมคิดช้าอีกสักนิดก็คงไม่ได้ มาเขียนเรื่องต่างๆให้คุณได้อ่านกันแล้วหละ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันจะทำให้เกิดการสูญเสีย แสนจะน่ากลัวเพียงใดก็ไม่ทำให้ผมลืมภาพอีกด้านที่งดงามของทะเลฝั่งนี้ไปได้ ผมไม่เคยกลัวทะเล ผมชอบทะเล ถ้าจะเกิดอะไรขึ้นอีกก็ไม่เป็นไรขอได้สะใจอีกซักที
ผมเลือกจะมาสัมผัสถึงเมืองของไข่มุกแห่งอันดามันของที่นี้ เที่ยวทะเลแดนใต้ ภูเก็ตเป็นเมืองที่สวยงาม มีอาคารเก่าแก่แบบ ชิโน-โปตุกีส และมีทะเลที่สดใส ผมเลือกพักที่รีสอร์ทแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างจากชายหาดป่าตองประมาณซัก 300 เมตร เป็นรีสอร์ทที่สวยงามพอใช้ได้ทีเดียว หลังจากเช็คอินเรียบร้อย ผมขอแอบนอนเอาแรงเอาไว้ก่อน เตรียมตัวเตรียมแรงเอาไว้เพื่อได้สัมผัสแสงสีอันงดงามยามค่ำคืนของหาดป่าตองว่าสนุกท้าทายขนาดไหน ช่วงเวลา 19.00 น.เป็นเวลาที่ผมนัดกับเพื่อนๆ หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จพวกเราก็เดินชมบริเวณชายทะเล ระหว่างทางเดินผ่านร้านค้าต่างๆไปเลื่อยๆสิ่งที่พอสังเกตเห็น ได้ชัดเจนมาก คือหันไปทางไหนแทบจะไม่มีคนไทยเลย คำเชิญชวนของการบริการก็พูดกับเราเฉพาะภาษาอังกฤษ ญี่ปุ่นบ้าง เกาหลีบ้าง หน้าผมก็ไม่ได้มีวี่แววไปทางนักท่องเที่ยวเอาซะเลย ออกจะไปทางบ้านๆบ้างด้วยซ้ำ ถ้าเพื่อนผมก็อาจจะใช่ ผมว่า บรรยากาศของป่าตองนี่ก็คล้ายๆกับที่พัทยามากๆ แต่ออกจะดูหรูหราและมีรสนิยมมากกว่านิดนึง เนื่องจากค่าครองชีพที่นี่สูงมาก หลังจากอิ่มกับบรรยากาศจนจุใจแล้ว ผมก็ต้องขอกลับที่พักเพื่อที่จะเตรียมตัวกับทัวร์ในตอนเช้า ที่จะมารับเราในเวลาเจ็ดโมงตรง
บรรยากาศวันนี้รู้สึกแสนสดใสมากเป็นพิเศษเพราะได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่ โปรแกรมวันนี้คือเกาะเฮ ไกล์บอกเราว่าที่นี่มีปะการังที่สวยงามและสมบูรณ์แห่งหนึ่ง มีปลาหลากหลายชนิดมาก ปลาดิบก็เยอะ งงกันใช่ไหมครับ ก็พวกสาวๆญี่ปุ่นไงครับนิยมที่จะมาเที่ยวที่เกาะเฮแห่งนี้เป็นชาติต้นๆเลย ผมตื่นเต้นมากสำหรับวันนี้ เพราะว่าจะได้ไปสัมผัสถึงปะการังต่างหาก เมื่อเรือ speed boat มาถึงเกาะเฮ ใช้เวลาเพียงแค่ประมาณ 40 นาที ไกด์ก็บอกให้เราลงดำดูปะการังได้ ผมไม่รอช้ารีบกระโดดลงจากเรือแทบจะเป็นคนแรก น้ำทะเลที่นี่ใสสวยมาก ปะการังก็ยังดูสมบูรณ์ดี แต่ก็ยังพอให้เห็นซากปะการังเขากวางแตกหักอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มากนัก ปลาที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็นปลาจำพวกปลาโนรี ปลาผีเสื้อ ปลานกแก้ว แต่ผมชอบปลาปักเป้าหน้าหมานะ เพราะว่าหน้าเหมือนไกล์ของเราดี หลังจากชุ่มช่ำกับเกาะเฮเราก็ต่อด้วยเกาะราชา นั่งเรือไปอีกไม่กี่นาทีเราก็มาถึง ไกล์ของเราเอาขนมปังโยนลงไป โอ้พระเจ้า!
ผม นึกไปถึงพวกปลาสวาย ที่ชอบอยู่บริเวณวัด จำนวนเยอะๆ แต่ที่นี่มันกลายเป็นในทะเล ปลาเสือทะเลทั่งนั้น ปลานกแก้วก็มี ผมอยากจะกระโดดลงไปในฝูงปลานั้นจริงๆ ทะเลที่นี่ใสไม่แพ้ที่เกาะเฮเลย ปะการังส่วนใหญ่เป็นปะการังแข็ง ส่วนปะการังเขากวางผมแทบจะไม่เห็นเลย เห็นกุ้งมังกรด้วยสวยงามมากด้วย แต่มีแต่หัวเพราะเจ้าปลานกแก้วกำลังแถะอยู่ ปลาโนรี ปลาผีเสื้อ เจอกันอีกแล้วเจ้าปักเป่าหน้าหมา แต่ที่ทำให้ผมตื่นเต้นมากเป็นพิเศษก็ต้องเจ้าปลาไหล มอร์เลย์ตัวสีน้ำตาลเข้มนี่แหละที่มันจองตามองผม ทำไมมันต้องอ้าปากทำฟันเหยือนด้วยนะผมนึกขึ้นเองในใจ ซักพักมันก็ว่ายน้ำหนีไป จากสายตาที่ผมเห็นตัวมันน่าจะยาวซัก 3 เมตร ตัวใหญ่มากจริงๆ ถ้าผมรู้ว่ามันตัวขนาดนี้ ผมโกยขึ้นเรือตั่งแต่แรกแล้วโชคดีที่มันหนีไปซะก่อน เมื่อได้เวลาพวกเราก็ต้องขึ้นเรือเพื่อจะเดินทางกลับเข้าฝัง
หลังจากที่พักผมกลับมาถึงแล้วก็ต้องรีบอาบน้ำแต่งตัวเพื่อจะไปเที่ยวในตัวจังหวัดภูเก็ตต่อ เพราะคืนนี้เพื่อนผมที่ เคยเรียนมาด้วยกันนัดกันไปกินข้าว คราวนี้เราต้องขับรถที่เราเลือกใช้บริการ รถเช่าภูเก็ต ขับเดินทางไปเองเราเลือกร้านอาหารทะเลที่ติดชายหาดแถวๆสะพานสารสิน อาหารมื้อนี้อร่อยใช้ได้ทีเดียว ราคาไม่แพงด้วยเป็นไปได้ยังไง เราใช้เวลากินข้าวกันนานทีเดียว เกือบ 3-4 ชั่วโมงก็ต้องกลับที่พักเพราะพรุ่งนี้เช้าต้องเตรียมตัวไปเกาะ พี พี
เช้านี้รู้สึกร่างกายแย่นิดหน่อยเพราะนอนไม่ค่อยเต็มอิ่ม แต่โชคดีที่วันนี้เราเดินทางโดยเรือใหญ่เพื่อไป เที่ยวเกาะพี พี ผมและเพื่อนเลือกที่เหมาะๆนอนกันตามอัธยาศัยบนเรือ ใช้เวลาประมาณเดินทาง 2 ชั่วโมงก็มาถึงเกาะพี พี ระหว่างทาง เรายังพอเห็นซากเรือจมซึ่งเกิดจากสึนามิอยู่เลย ผมไม่สงสัยเลยทำไมที่ เกาะพี พี จึงมีผู้คนเสียชีวิตกันเยอะมาก เพราะร้านอาหาร โรงแรมถูกล้อมไปด้วยชายทะเลทั่ง 2 ด้าน โรงแรมหลายแห่งเริ่มปรับปรุงกันบ้างแล้ว แต่ความงามของเกาะ พี พี ไม่ได้ลดหายไปไหนเลย ก็ยังคงความสวยงามอยู่ นักท่องเทียวก็เริ่มเข้ามามากขึ้น
ผมใช้เวลาเที่ยวอยู่ในภูเก็ตแค่ 4 วัน ผมคิดว่ายังเที่ยวได้เพียงเศษเสี้ยวของแหล่งท่องเทียวที่นี่ด้วยซ้ำ ถ้ามีโอกาสอีกจะกลับมาเที่ยว ดินแดนไข่มุขแห่งอันดามันแห่งนี้อีกแน่นอน